Elephant trainning With Rak Chang Elephant training

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักช้าง และธรรมชาติ ลองมาดู Elephant trainning น่ารักๆ กับ Rak Chang Elephant training

Rak Chang Elephant training ทัวร์รักช้าง เราจะให้ท่านได้พบกับ การท่องเที่ยวที่เน้นการอนุรักษ์ช้างและ ได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนกับช้างแบบธรรมชาติ อย่างใกล้ชิด ท่านจะได้เห็น การฝึกช้างเชิงสร้างสรรค์ Elephant training  ที่ได้รับการฝึกฝนด้วยการดูแลและใส่ใจด้วยความรัก ไม่มีการทรมานช้างและทำลายธรรมชาติแต่อย่างใด Elephant Chiangmai พบวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ ของช้าง ที่คุณจะรื่นเริงและสนุกไปกับ ทริปอันแสนสนุก ที่เราจะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญเกี่ยวกับช้าง Elephant Chiangmai การท่องเที่ยวแบบดูการแสดงของช้างต่าง ๆ หลายที่จะมีให้เห็นแบบทั่วไป หากท่านต้องการความแปลกใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และใกล้ชิดกับสัตว์ป่าที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ หรือที่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขนานนามให้ว่าเป็นเจ้าแห่งพงไพร ที่ตัวใหญ่ดุดัน ท่าจะได้สัมผัสกับการใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน วิถีชีวิตแบบโบราณที่ใช้ชีวิตกับสัวต์ขนาดใหญ่ การอยู่ร่วมกันแบบเชิงอนุรักษ์อาศัพพึ่งพากันและกัน การท่องเที่ยวที่เราจะพาทุกท่านไป Elephant Training , Elephant Chiangmai นั่นเรารับรองว่า ทริปการท่องเที่ยวของท่านครั้งนี้จะต้องประทับใจ และรู้สึกได้ถึงการท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่งที่ท่านไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน หากคุณต้องการและสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้

Rak Chang Elephant training ทัวร์รักช้าง เราจะให้ท่านได้พบกับ การท่องเที่ยวที่เน้นการอนุรักษ์ช้างและ ได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนกับช้างแบบธรรมชาติ อย่างใกล้ชิด ท่านจะได้เห็น การฝึกช้างเชิงสร้างสรรค์ Elephant training ที่ได้รับการฝึกฝนด้วยการดูแลและใส่ใจด้วยความรัก ไม่มีการทรมานช้างและทำลายธรรมชาติแต่อย่างใด Elephant Chiangmai พบวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ ของช้าง ที่คุณจะรื่นเริงและสนุกไปกับ ทริปอันแสนสนุก ที่เราจะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญเกี่ยวกับช้าง Elephant Chiangmai การท่องเที่ยวแบบดูการแสดงของช้างต่าง ๆ หลายที่จะมีให้เห็นแบบทั่วไป หากท่านต้องการความแปลกใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และใกล้ชิดกับสัตว์ป่าที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ หรือที่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขนานนามให้ว่าเป็นเจ้าแห่งพงไพร ที่ตัวใหญ่ดุดัน ท่าจะได้สัมผัสกับการใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน วิถีชีวิตแบบโบราณที่ใช้ชีวิตกับสัวต์ขนาดใหญ่ การอยู่ร่วมกันแบบเชิงอนุรักษ์อาศัพพึ่งพากันและกัน การท่องเที่ยวที่เราจะพาทุกท่านไป Elephant Training , Elephant Chiangmai นั่นเรารับรองว่า ทริปการท่องเที่ยวของท่านครั้งนี้จะต้องประทับใจ และรู้สึกได้ถึงการท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่งที่ท่านไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน หากคุณต้องการและสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้
Elephant Training

Baby elephant chiangmai แสนน่ารัก ที่พร้อมยินดีต้อนรับ นักท่องเที่ยวเช่นคุณ วันนี้กับทัวร์ช้างแสนพิเศษที่รับรองว่าคุณต้องประทับใจอย่างแน่นอน ทริปท่องเที่ยวทัวร์ช้างสุดพิเศษ เที่ยวชมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านและช้างไทยตามสไตล์แบบธรรมชาติ คุณจะได้เจอกับ Baby elephant chiangmai ที่จะทำให้คุณประทับใจกับการมาทริปครั้งนี้อย่างแน่นอน

ทัวร์รักช้างของเรา เป็นทัวร์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร ทัวร์ของเราจะเน้น การท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ที่จะมีช้างเป็นเพื่อนระหว่างทริป คุณจะได้เห็นวิถีชีวิต แบบธรรมชาติระหว่างชาวบ้านและช้างไทย ที่จะอนุรักษ์ และอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว เราถือว่าช้างเป็นสัตว์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของไทยเรามาแต่ช้านาน คุณจะได้สัมผัส ช้างแบบใกล้ชิด พิเศษสุดๆ คุณจะได้เห็น Baby elephant chiangmai ที่แสนน่ารัก แสนรู้ที่จะคอยต้อนรับคุณในทริปนี้อย่างแน่นอน Baby elephant chiangmai ท่านจะได้พบกับวิถีชีวิตการใช้ชีวิต ที่แปลกใหม่แหวกแนว ไม่เหมือนใครด้วยวิถีชีวิตแบบคนโบราณที่ใช้ชีวิตกับเจ้าแห่งขุขเขาป่าดงพงไพร สัตว์ที่มีขนาใหญ่ สัวต์ที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกับ ผืนแผ่นดินไทยมาอย่างยาวนานเป็นที่กล่าวขาน ขนานนามไปทั่วภูมิภาค ท่านจะได้สัมผัสกับบรรดาเหล่าช้างน้อย ลูกช้าง ที่กำลังซุกซน แสดงความน่ารักต่าง ๆ ซึ่งจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้แบบใกล้ชิด ทว่าเสมือนคนเลี้ยงช้างฝึกช้าง ให้อาหาร พาไปว่ายน้ำ บรรยากาศแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว How to train Baby elephant chiangmai ทริปที่เราจะพาทุกท่านไป นั่น จะเป็นทริปที่ทุกท่าน ที่รักและชื่นชอบในการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ช้างนั้น ต้องมีความหลงใหลและชื่นชอบอย่างแน่นอน เพราะท่านจะได้สัมผัสและชื่นชอบช้างไทย อย่างใกล้ชิด รับรองว่าทริปนี้ท่านจะได้ความสนุกและเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ทำให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กับอนุรักษ์สัตว์ป่า อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมป่าไม้ต้นน้ำลำธาร ให้คงอยู่ต่อไป
Baby elephant chiangmai

Elephant Chiangmai พบวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ ของช้าง ที่คุณจะรื่นเริงและสนุกไปกับ ทริปอันแสนสนุก ที่เราจะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญเกี่ยวกับช้าง

Elephant Chiangmai การท่องเที่ยวแบบดูการแสดงของช้างต่าง ๆ หลายที่จะมีให้เห็นแบบทั่วไป หากท่านต้องการความแปลกใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และใกล้ชิดกับสัตว์ป่าที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ หรือที่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขนานนามให้ว่าเป็นเจ้าแห่งพงไพร ที่ตัวใหญ่ดุดัน การท่องงเที่ยวที่เราจะพาทุกท่านไป Elephant Riding, Elephant Training , Elephant Chiangmai นั่น จะเป็นทริปที่ทุกท่าน ที่รักและชื่นชอบในการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ช้างนั้น ต้องมีความหลงใหลและชื่นชอบอย่างแน่นอน เพราะท่านจะได้สัมผัสและชื่นชอบช้างไทย อย่างใกล้ชิด รับรองว่าทริปนี้ท่านจะได้ความสนุกและเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ไม่ได้ส่งเสริมให้มีการทำร้ายช้างแต่อย่างใด โดยท่านที่ต้องการท่องเที่ยวทริปนี้ไปกับเราท่านสามารถเลือก Package การท่องเที่ยวทริปนี้ได้จากใน เว็บไซต์ของเรา www.rakchangelephanttraining.com และเราขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือและร่วมท่องเที่ยวทริปนี้ไปกับเรา กับ Elephant Chiangmai และ Rak Chang Elephant training.com
Elephant Trainning
CONTACT US Rakchang Elephant Training Address : 27 Sanambinkao Suthep Muang Chiangmai 50200 Tel : 053-272087 ,091-0766254 ,086-9126463

ท่องเที่ยวยอดฮิตปี 2015 เที่ยวเชียงใหม่

ที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ สัมผัสบรรยากาศกลิ่นอายประเพณีและวัฒนธรรม ของกินเชียงใหม่ ของกินล้านนา คนพื้นบ้าน สถานที่โบราณ เมืองเก่า ประวัติศาสตร์ของนพบุรีศรีนครพิงค์ เมืองเชียงใหม่ สามารถมาสัมผัสกันได้เลย




ที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่



ถ้าหากสนใจอยากที่จะสัมผัสกับชีวิตยามค่ำคืนที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ สำหรับกิจกรรมยามค่ำคืนก็ถือว่ามีสถานที่อีกมากมายหลายสถานที่ ที่พร้อมจะให้คุณมาสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ อาหารการกินแบบพื้นบ้านของคนเหนือล้านนา สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับกลางคืนสำหรับผู้ที่ต้องการหาของประดับตกแต่ง เครื่องแต่ง เสื้อผ้าพื้นเมือง อาจจะหาได้ตามถนนคนเดินวันอาทิตย์ถนนท่าแพ ถนนคนเดินวันเสาร์ที่ถนนวัวลาย หรือถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศนอกเมืองที่ให้ความเป็นกลิ่นอายของคนเหนือมากขึ้น ก็สามารถเดินทางไปยังถนนคนเดินตามตัวอำเภอใกล้เคียงต่าง ๆ ได้ เช่น ถนนคนเดินอำเภอสันกำแพง หากมาไม่ตรงก็สามารถเดินไปที่กาดหลวงหรือตลาดต้นลำไยนั่นเอง หรือไนท์บาซาร์ได้ ซึ่งสามารถเดินไปได้สะดวกและง่ายมาก ๆ
ที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่

ขุนช่างเคี่ยน จังหวัดเชียงใหม่

ท่องเที่ยวเชียงใหม่

ที่ตั้ง : สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

ขุนช่างเคี่ยน หรือ สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน เป็นสถานีวิจัยเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์กาแฟ ไม้ผลเมืองหนาว อยู่ในเส้นทางเดียวกับพระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ และบ้านม้งดอยปุย จุดเด่นที่น่าสนใจของขุนช่างเคี่ยนคือมีต้นนางพญาเสือโคร่ง หรือที่เรียกกันว่า ซากุระเมืองไทยบานสะพรั่งอยู่ทั่วทั้งพื้นที่จนกลายเป็นดอยสีชมพู ที่คนไทยชอบเที่ยวอย่างเราพลาดไม่ได้ที่จะไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และแน่นอนว่าที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ดอกไม้สีชมพู แต่ความเป็นธรรมชาติ ป่าเขา ช่างสวยงาม น่าหนีความวุ่นวายในเมืองไปพักผ่อนมาก

- อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

 ดอยอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ประมาณ 482.4 ตารางกิโลเมตร หรือ 301,500 ไร่ ประกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย พาดผ่านจากประเทศเนปาล ภูฐาน พม่า เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย
สภาพ ภูมิประเทศทั่วไปประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด สูงจาก ระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร ยอดเขาที่มีระดับสูงรองลงมาคือ ดอยหัวมดหลวง สูงจากระดับน้ำทะเล 2,330 เมตร ป่าอินทนนท์นี้เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำแม่กลาง แม่ป่าก่อ แม่ปอน แม่หอย แม่ยะ แม่แจ่ม แม่ขาน และเป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำแม่ปิงที่ ให้พลังงานไฟฟ้าที่เขื่อนภูมิพล มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตกต่างๆ โดยเฉพาะน้ำตกแม่ยะ ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดของประเทศ
ดอยอินทนนท์ เดิมมีชื่อว่า “ดอยหลวงอ่างกา” ต่อมาได้ตั้งชื่อตามพระนามของพระเจ้าอินทวิชยนนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7

- อุทยานหลวงราชพฤกษ์

อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ที่ใช้จัดงาน มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 และ มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 เนื่องในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ใน พ.ศ. 2549 และทรงเจริญพระชนพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2546 เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงานมหกรรมพืชสวนโลก 2549 ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ตำบลแม่เหียะ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ (พื้นที่ 468 ไร่ 3 งาน 10 ตารางวา) โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2550 รวม 92 วันภายใต้ชื่อ “มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549” ซึ่งเป็นงานที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

 

จากความสำเร็จของการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ที่ได้รับการตอบรับทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นอย่างดี คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ให้สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) เข้ามาบริหารจัดการและใช้ประโยชน์พื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการและปฏิบัติงานด้านต่างๆ มีภารกิจหลักในการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้พืชสวนและเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทางการเกษตรและวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทย โดยได้รับการถ่ายโอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ และงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาเป็นของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่ สูง (องค์การมหาชน) เมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552 และมีการส่งมอบสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552 การตั้งชื่ออุทยานหลวงราชพฤกษ์นั้น หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ได้มีลายพระหัตถ์ถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2552 [1]ขอ พระราชทานชื่อสวนซึ่งเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า “สวนหลวงราชพฤกษ์” ต่อมาท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อสวนดังกล่าวว่า “อุทยานหลวงราชพฤกษ์” ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553 และได้รับพระราชทานชื่อภาษาอังกฤษว่า “Royal Park Rajapruek

- วัดพระธาตุดอยคำ

วัดพระธาตุดอยคำ เป็นวัดที่มีความสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่ อายุเก่าแก่กว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่บริเวณดอยคำ ด้านหลังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร วัดพระธาตุดอยคำปัจจุบันมี พระครูสุนทรเจติยารักษ์ (ครูบาพิณ) เป็นเจ้าอาวาส โดยไม่มีพระลูกวัด
พระเจ้าทันใจ แห่งวัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งสร้างในรัชสมัยพญากือนา กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา ปัจจุบันมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ มีประชาชนจำนวนมากได้ไปบนบานและประสบความสำเร็จตามที่ขอพร โดยการแก้บนจะแก้บนด้วยพวงดอกมะลิ โดยในแต่ละวัน จะมีประชาชนขึ้นไปบนบานมากกว่าร้อยคน โดยเฉพาะในวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีประชาชนที่ไปบนบานมากกว่าพันคน วัดพระธาตุดอยคำสร้างในรัชสมัยพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งหริภุญชัย โดยพระโอรสทั้ง 2 เป็นผู้สร้างในปี พ.ศ. 1230 ประกอบด้วยเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ศาลาการเปรียญกุฏิสงฆ์ และพระพุทธรูปปูนปั้น เดิมชื่อวัดสุวรรณบรรพต แต่ชาวบ้านเรียกว่า “วัดดอยคำ”

 พ.ศ. 2509 ขณะนั้นวัดดอยคำเป็นวัดร้าง ต่อมากรุแตกชาวบ้านพบโบราณวัตถุหลายชิ้น เช่น พระรอดหลวง พระหินทรายปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ (เนื้อดิน) ซึ่งนำมาประดิษฐานไว้ ณ วัดพระธาตุดอยคำ พระธาตุดอยคำนอกจากจะเป็นที่สักการบูชาของคนท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของการบินไทยที่ใช้กำหนดพื้นที่ทางสายตา ก่อนที่จะนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ เทือกเขาถนนธงชัย ด้านทิศตะวันตกบนเทือกเขาเหล่านั้นจะเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระเจดีย์สำคัญ และเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ถึง 2 องค์พระเจดีย์ แต่ละแห่งถูกสถาปนาขึ้นโดยพระมหากษัตริย์ในสมัยหริภุญชัยและล้านนาตาม ลำดับ หนึ่งในนั้นคือพระธาตุดอยคำ อยู่บนยอดเขาเล็ก ๆ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 200 เมตร อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมืองเชียงใหม่ เรียกว่า “พระธาตุดอยคำ” เคยเป็นที่อยู่อาศัยของยักษ์สองผัวเมีย ชื่อ จิคำและตาเขียวมาก่อน ซึ่งต่อมาชาวบ้านได้เรียกยักษ์ทั้งสองนี้ว่า “ปู่แสะ – ย่าแสะ” ปู่แสะย่าแสะมีลูก 1 คน ชื่อว่า “สุเทวฤๅษี” เหตุที่ได้ชื่อว่าดอยคำ เนื่องจากศุภนิมิตที่ยักษ์ทั้งสองได้รับพระเกศาธาตุจากพระพุทธเจ้า เกิดฝนตกหนักหลายวัน ทำให้น้ำฝนเซาะและพัดพาแร่ทองคำบนไหล่เขา และลำห้วยไหลลงสู่ปากถ้ำเป็นจำนวนมาก จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่า “ดอยคำ”
จากตำนานหลายฉบับได้กล่าวว่า เทวดาได้นำพระเกศาธาตุที่พระพุทธเจ้าได้ประทานแก่ปู่แสะและย่าแสะ นำขึ้นมาฝังและก่อสถูปไว้บนดอยแห่งนี้ และต่อมาในปี พ.ศ. 1230 เจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศ 2 พระโอรสแฝดของพระนางจามเทวี แห่งหริภุญชัยนครได้ขึ้นมาก่อเจดีย์ครอบพระสถูปเกศานั้นไว้ ส่วนพระเจดีย์แห่งที่ 2 ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ทางทิศเหนือของดอยคำ คือ พระธาตุดอยสุเทพ

Elephant Chiangmai By Rakchangelephanttraining.com

Elephant Chiangmai พบวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ ของช้าง ที่คุณจะรื่นเริงและสนุกไปกับ ทริปอันแสนสนุก ที่เราจะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญเกี่ยวกับช้าง

Elephant Chiangmai การท่องเที่ยวแบบดูการแสดงของช้างต่าง ๆ หลายที่จะมีให้เห็นแบบทั่วไป หากท่านต้องการความแปลกใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และใกล้ชิดกับสัตว์ป่าที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ หรือที่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขนานนามให้ว่าเป็นเจ้าแห่งพงไพร ที่ตัวใหญ่ดุดัน การท่องงเที่ยวที่เราจะพาทุกท่านไป Elephant Riding, Elephant Training , Elephant Chiangmai นั่น จะเป็นทริปที่ทุกท่าน ที่รักและชื่นชอบในการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ช้างนั้น ต้องมีความหลงใหลและชื่นชอบอย่างแน่นอน เพราะท่านจะได้สัมผัสและชื่นชอบช้างไทย อย่างใกล้ชิด รับรองว่าทริปนี้ท่านจะได้ความสนุกและเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ไม่ได้ส่งเสริมให้มีการทำร้ายช้างแต่อย่างใด โดยท่านที่ต้องการท่องเที่ยวทริปนี้ไปกับเราท่านสามารถเลือก Package การท่องเที่ยวทริปนี้ได้จากใน เว็บไซต์ของเรา www.rakchangelephanttraining.com และเราขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือและร่วมท่องเที่ยวทริปนี้ไปกับเรา กับ Elephant Chiangmai และ Rak Chang Elephant training.com
Elephant Trainning 
ช้างเป็นสัตว์บกเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ ที่เหลืออยู่เพียงชนิดเดียวในโลก และเหลือสายพันธุ์อันสำคัญอยู่เพียง 2 สายพันธุ์เท่านั้น ในทางวิชาการสามารถอธิบายรายละเอียดของช้างไว้ดังนี้ ช้าง (Elephants) Order : Procoscidea Family : Elephantidea Genus : Elephas Spicies : Maximusใน Family นี้มีช้างสองชนิดคือ ช้างแอฟริกา (African Elephant) และช้างเอเชีย (Asian Elephant) 1. ลักษณะทั่วไปของช้างแอฟริกา ช้างแอฟริกา (African Elephant) ชื่อวิทยาศาสตร์ Loxodonta Africana พบในทวีป แอฟริกาทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา ถิ่นที่อยู่อาศัย : ทุ่งหญ้าและป่าโปร่ง ขนาด (โดยเฉลี่ยของตัวผู้) : ความยาวจากหัวถึงหาง 6 – 7.5 เมตร สูง 3.3 เมตร น้ำหนัก 6 ตัน อายุ (โดยเฉลี่ย) : 60 ปี ลักษณะ : ลำตัวใหญ่กว่าช้างเอเชีย มีงายาวทั้งในตัวผู้และตัวเมีย หูมีขนาดใหญ่กว่าช้างเอเชีย หลังเว้าลง หน้าผากมีโหนกเดียว เท้าหน้ามีเล็บ 4 เล็บ เท้าหลังมี 3 เล็บ ปลายงวงมีจะงอยบนและจะงอยล่าง ทำหน้าที่คล้ายมือช่วยจับสิ่งของได้ 2. ลักษณะทั่วไปของช้างเอเชีย ช้างเอเชีย (Asian Elephant) ชื่อวิทยาศาสตร์ Elephas maximus พบในอินเดียและบริเวณประเทศใกล้เคียงอินเดีย อินโดจีน ตอนใต้ของจีน มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ถิ่นที่อยู่อาศัย : ป่าทึบและป่าโปร่ง ขนาด : วัดจากหัวถึงหาง 5.5 – 6.4 เมตร สูง 2.5 – 3 เมตร น้ำหนัก 5 ตัน อายุ 60 ปี ลักษณะ : ขนาดเล็กกว่าช้างแอฟริกา มีงายาวเฉพาะตัวผู้ ตัวเมียมีวาแต่สั้นมาก โผล่แค่ริมฝีปาก หูมีขนาดเล็กกว่าช้างแอฟริกา หลังโค้งขึ้น หน้าผากมีสองโหนก เท้าหน้ามีเล็บห้าเล็บ เท้าหลังมีสี่เล็บ ปลายงวงมีจะงอยบน 1 อันใช้เป็นมือหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ ช้างเป็นสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยิ่งมีอายุมากร่างกายก็จะใหญ่ขึ้น และงาก็ยิ่งยาวออกตามขนาดตัวไปด้วย ช้างเป็นสัตว์ที่ไม่เคยหยุดเจริญเติบโต จนกระทั่งตาย ฟันช้างจะเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกันมีโรงสร้างที่เหมาะสมกับการบดอาหารหยาบ เช่น เปลือกไม้ กิ่งไม้ ผลไม้เปลือกแข็ง งาช้างคือฟันบนส่วนหน้าของช้างที่เปลี่ยนแปลงไปและยื่นยาวออกมา ส่วนบนของปากและจมูกวิวัฒนาการมาเป็นงวง ใช้หายใจ พ่นฝุ่นดิน ดูดน้ำเพื่อดื่มและใช้เป็นมือหยิบจับของและเหนี่ยวหักกิ่งไม้ งวงเป็นจมูกที่มีความไวต่อกลิ่นมาก นอกจากนั้นยังช่วยให้ช้างร้องเสียงดังด้วย 
  Elephant Chiangmai 
ใบหูที่มีขนาดใหญ่จะเต็มไปด้วยเส้นเลือด หูจะโบกพัดตลอดเวลาเพื่อระบายความร้อนภายในร่างกายสู่ภายนอก นอกจากช้างจะตาดี จมูกไวแล้ว หูช้างยังไวต่อการได้ยิน ช้างจะใช้เสียงความถี่ต่ำมากในการสื่อสารกัน และถึงแม้จะอยู่ห่างกันถึง 1 กิโลเมตร ก็ยังสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ส่วนเท้าของช้างมีความนิ่มเป็นพิเศษ เพราะห่อหุ้มด้วยเนื้อเยื่อและไขมัน ช้างไม่มีระบบกระเพาะเคี้ยวเอื้อง อาหารที่ช้างกินจะมีแบคทีเรียในลำไส้ช่วยย่อย ช้างกินอาหารจุใช้เวลาส่วนใหญ่ (ประมาณวันละ 18 ชั่วโมง) หาอาหารกิน โดยเฉลี่ยช้างจะกินอาหารประมาณ 200 กิโลกรัมต่อวัน น้ำมีความสำคัญต่อช้างมาก นอกจากจะใช้ชำระร่างกายแล้วช้างต้องดื่มน้ำวันละ 200 ลิตร อาหารของช้าง ช้างเป็นสัตว์ที่ไม่กินเนื้อเป็นอาหาร ส่วนใหญ่ชอบกินต้นไม้ใบหญ้า อาหารที่มีสีเขียวจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายช้าง มากกว่าอาหารที่มีสีเหลือง ซึ่งย่อยยากและทำให้ท้องผูก ซึ่งอาหารที่ช้างชอบกิน เช่น ไผ่ ยอดไม้ กล้วย ขนุน ข้าวโพด อ้อย แตงโม เป็นต้น ช้างเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นฝูงที่เรียกว่าโขลง มีความสัมพันธ์กัน แบ่งหน้าที่ระมัดระวังความปลอดภัย ช่วยกันดูแลลูกช้าง ช้างที่มีอายุมากและมีความรู้ มีประสบการณ์ใช้ชีวิตในป่ามากจะสอนช้างรุ่นใหม่ให้รู้วิธีการดำรงชีวิตในป่า ช้างโขลงหนึ่ง มีตั้งแต่ 10 – 20 ช้าง หรือ 30 – 50 ช้าง คล้าย ๆ กับคนที่ต้องอาศัยรวมกันอยู่เป็นหมู่บ้านที่มีขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง ช้างตัวเมียที่อาวุโสที่สุดจะเป็นผู้นำโขลง ในโขลงช้างจะประกอบด้วยช้างตัวเมียและลูกช้างเป็นส่วนมาก เมื่อช้างตัวผู้โตเต็มที่จะแยกตัวจากโขลงไป ช้างเริ่มมีความพร้อมที่จะผสมพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 12 ปี แต่ปกติแล้ว ช้างจะโตเต็มที่และแข็งแรงที่สุดเมื่อมีอายุ 25 ปี ขึ้นไปจนถึง 45 ปี ช่วงนี้เป็นช่วงที่ช้างตัวเมียอยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ โดยช้างจะใช้เวลาตั้งท้องนาน 21 –- 22 เดือน ช้างจะออกลูกครั้งละ 1 ตัว เมื่อออกลูกแล้วต้องรอเวลาอีก 3 – 4 ปี จึงมีโอกาสตั้งท้องอีก โดยเฉลี่ยแม่ช้างจะมีลูกได้เพียง 4 ครั้ง ช้างเอเชีย จัดเป็นสัตว์ชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์ในทุกแหล่งกระจายพันธุ์ของสัตว์ชนิดนี้ ซึ่งได้แก่ ประเทศในทวีปเอเชีย 13 ประเทศ คือ อินเดีย บังคลาเทศ ภูฐาน เนปาล ศรีลังกา พม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม จีน มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย 

Baby elephant chiangmai แสนน่ารัก ที่พร้อมยินดีต้อนรับ นักท่องเที่ยวเช่นคุณ วันนี้กับทัวร์ช้างแสนพิเศษที่รับรองว่าคุณต้องประทับใจอย่างแน่นอน ทริปท่องเที่ยวทัวร์ช้างสุดพิเศษ เที่ยวชมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านและ ช้างไทยตามสไตล์แบบธรรมชาติ คุณจะได้เจอกับ Baby elephant chiangmai ที่จะทำให้คุณประทับใจกับการมาทริปครั้งนี้อย่างแน่นอน


 CONTACT US Rakchang Elephant Training Address : 27 Sanambinkao Suthep Muang Chiangmai 50200 Tel : 053-272087 ,091-0766254 ,086-9126463

Phrae Province

Phrae Province

An old and important community of Northern Thailand, Phrae was founded after Chiang Mai had been established as the capital of the Lanna Thai kingdom. With one of the largest reserves of teak forests in the country, it is located on the banks of the Yom River, some 550 kilometres from Bangkok.

Phrae covers an area about 6,538 square kilometres and surrounded on all sides by mountains with level plains in the middle.

Phrae is administratively divided into the following districts: Muang, Sung Men, Den Chai, Long, Wang Chin, Song, Rong Kwang and Nong Muang Khai.

Book your hotel in Phrae before you leave home and save money!

If you have already visited this Northern province, please share your highlights with other visitors to Thailand Guidebook.

Wat Luang on Kham Lue Road in town is an ancient and principal temple built at the same time as Phrae was established. Several restoration works have taken place. Some of its major features include the Wihan and Chiang Saen-style Chedi enshrining a Holy Relic brought over from Myanmar. Others are the museum housing various antiquities including several 500-year-old Buddha statues and an ancient Lanna-style wooden structure.

To the west of Wat Luang is Wat Phra Non near the site of the old city walls. Some of the architectural works include the Chiang Saen-style Ubosot with narrow openings to let in light instead of normal windows. The lintel is made of wood with graceful designs. The eaves over the Wihan are all fretted, a symbol of northern architecture. lnside is a 9 metre-long plaster Reclining Buddha.

Wat Phra Bat Ming Muang Iocated on Charoen Nakhon Road near the town hall was built in 1995 by combining two ancient temples. There is an old Chedi containing a replica of the Holy Footprint inside.

The City Pillar Shrine of Phrae situated on Khum Doem Road in town centre, features an inscription stone with ancient Thai scripts of the Sukhothai period describing the construction of a temple in the town.

Located on Nam Khu Road next to the city moats is Wat Sa Bo Kaeo a temple with several exotic Burmese artistic-styled structures and Buddha statues. It is also where Burmese monks who travel to Thailand to study the Buddhist scripture stay.

Just one kilometre from the town hall on Yantrakit Koson Road is Wat Chom Sawan a Burmese architectural style temple. The building which combines the hall for conducting religious rituals and monk's living quarters is beautifully decorated both in its interiors and exteriors. The over-lapping roofs are adorned with fine fret works. Antiquities found here include marble Buddha statues, statues made of woven bamboos coated with lacquer, and Buddha statues made from ivory, as well as ivory scripture slabs with Burmese scripts.

About 4 kilometres away on Highway No. 101 (Phrae-Nan) is Ban Thung Hong a village noted for the making of product made from Mo Hom material. It is a local cotton fabric dyed in blue which is used in making native and modern wears.

Ban Rong Fong specialises in making metal agricultural tools using traditional production method. The village can be reached by taking Highway No. 101 (Phrae-Nan) with a turn into Highway No. 1101 leading to Rong Fong.

Ban Pong Si at Tambon Thin of Muang district is a village which collects and exchanges second-hand household utensils for daily use. It also sells silver products.

About 12 kilometres out of town, and with a further 6 kilometres after a right turn, is the Phae Muang Phi a wide area with no large trees. Because of subsidence and erosion of the soil, the harder elements remain and are formed into the shapes of exotic-looking mushrooms.

A small, 2-level waterfall, Nam Tok Mae Khaem is located at Tambon Suan Khuan. To reach it, go on the Pa Daeng-Thung Hong road for 4 kilometres. Then turn left and continue for another 12 kilometres. There is another fall, larger and with three levels, in the vicinity. It is Nam Tok Tat Mok, which is about 22 kilometres from town.

Wat Phra That Cho Hae is about 8 kilometres to the east of town on Highway No. 1022. A major religious site of the province, it was built since the time of Sukhothai. The 33 metre-tall Chiang Saen-style Chedi houses a Holy Relic. It was built of bricks and covered with bright brass sheets. The name of the temple refers to fine silk woven in Sip Song Panna (in southern China) Which was first used to wrap around the Chedi when the temple was first constructed. There is a fair celebrating the Chedi in March every year.

Three kilometres from Phra that Cho Hae is Wat Phra That Chom Chaeng, some 10 kilometres from town. Built in the year 788, the name of the builder was unknown. The golden Chedi is 19 metres tall and enshrines a Holy Relic. There is also a Museum of rare ancient relics.

The Phraya Chaiyabun Memorial is about 4 kilometres from the Phrae town hall on Highway No. 101. Governor of the town during 1897-1902, he was slain by rebelling Shan tribemen when he refused to cede the town to them. After the rebellion was put down by government troops, King Rama V ordered a memorial erected in his honour.

The Folklore Museum, in the same compound as the Ban Fai garden restaurant three kilometres from town on the Phrae-Sung Men road, is made up of several buildings and wooden structures displaying exhibits on the local way of life. The different types of wooden houses demonstrate the different statuses of the local people. There are also market and shop houses of the past.

About 9 kilometres to the south of town on Highway No. 101 in Sung Men district is the Hua Dong Market. It is the centre of products made from wood and rattan, mostly household furnitures and decorative items.

Some 700 metres off Highway No. 101 at Ban Hua Dong is Wat Phra Luang. It features a Sukhothai-style Chedi and is referred to by the local people as "That Neong", meaning the leaning Chedi.

3 kilometres from Den Chai district, or some 2 kilometres from the provincial town, is Wat Phra That Suthon Mongkhon Khiri. Although a comparatively modern temple, it boasts highly eye-catching structures. The Ubosot in particular is noted for its delicate sculptures with fine designs. There is also the golden teak structure in the Lanna-style which houses valuable relics of the North, including Buddha statues, lacquer ware, Lanna musical instruments, ancient weapons and pictures depicting past events.

A leading attraction, Kaeng Luang is located in Tambon Ban Pin, Long district. To get there, go on the Phrae-Lampang road for about 50 kilometres, then take a right turn at Km.69 and continue on for another 7 kilometres. The scenery is lovely and amid the Yom river are rocky formations which create fast-flowing rapids. On the other side of the river, which can be crossed by ferry, and with a 100-metre walk uphill, will be found the Erawan Cave adorned with elephant-and-female-shaped hanging and protruding crops of rock.

Long District, some 45 kilometres from the provincial town on Highway No. 1023, is the site of a centuries old community since the time of Hariphunchai Period. The local people are skilled in the craft of weaving, both silk and cotton. The art of making the Teen Jok fabric in particular has been handed down from generation to generation. Its design has also been developed to meet with new and different preferences, although the original method has been retained. A fair celebrating the Teen Jok is held annually in Long district around November.

There is a huge gold Chedi housing a Holy Relic at Wat Phra That Si Don Kham. Legend has it that it was built as early as 535 A.D. when the land was under the dominance of the Hariphunchai kingdom.

The Wiang Kosai National Park is about 70 kilometres from the provincial town in Wang Chin district. It can be reached by taking Highway No. 11 (Prae-Lampang). Then take a left turn toward Wang Chin district and continue for a further 13 kilometres to reach the turn to the park headquarters. A further 1.5 kilometres on are two waterfalls, the Mae Koeng Luang, 1 kilometres from the headquarters, and the Mae Koeng Noi, 2 kilometres on foot further on. Streams from the falls flow into The Yom River.

Locates in Tambon Nam Rat of Nong Muang Khai district in Tham Cham Pu, some 17 kilometres from town and with a further distance of 8 kilometres after a left turn. Within the cave is a large hall-like chamber with smaller rooms connected by tunnels. It is beautiful adorned with glittering stalactites and stalagmites.

Another interesting cave is Tham Pha Nang Khoi which is about 40 kilometres north of town on Highway No. 101 at Km. 59 within Rong Kwang district. A 50 metre-long rail leads to the cave mouth. Along the winding tunnels are strangely-shaped stalactites and stalagmites. At the end of the cave is a stalagmite shaped like a woman holding a small child. In front of the Nang Koi (waiting woman) stone is a heart-shaped stalactite. They are the source of the legend of the love of a woman who waited for her lover until she turned into stone. Amid cool forested area is the Huai Rong Waterfall. It can be reached by taking Highway No. 101 (Phrae-Rong Kwang) and go on for 60 kilometres northward. Turn left at Km. 78 and proceed on for a further 4 kilometres.

Phra That Phra Lo is a 400-year-old Chedi believed to contain the remain of a king named Phra Lo, ruler of Nakhon Maen Suang once located in the vicinity. It is said he died together with his two lovers, Phra Phuan and Phra Phaeng, which gave rise to the legend of a folklore. The Chedi itself is at Tambon Ban Klang, Song District on Highway No. 103 some 45 kilometres north or the provincial town.

The Mae Yom National Park is in Song district 48 kilometres from town. The terrain is mountainous with deciduous and rich teak forests, probably the densest in the country. Along the Yom River in front of the camping area of the park are the Kaeng Sua Ten rapids, a two-kilometre-long stretch of rock formations and best visited during November-February when the weather is cool and scenery at its loveliest. Visitors may camp along the river banks.

The Phra that Cho Hae Fair, held in around March, involves a procession to carry robes to cover the Chedi. The procession follows the Lanna style. All participants are decked out in traditional Lanna attires.

The Kin Salak Fair is an old Buddhist merit-making event. Villagers prepare offerings and carry them in procession to present to monks. The fair is held around September yearly.

Mo Hom is a well-know hand-crafter material made in Phrae. Considered a quality product, it is made mainly at Ban Ton Hong using traditional methods in the weaving, dyeing and tailoring processes.

Another famous product is Pha Teen Jok, a fine and well-made material with distinctive design. Apart from being widely used as material to make dresses, today it is also used to make items such as hand-bags, shoes, household decorative items, etc. The main production centre is in Long, Wang Chin and Den Chai districts.






Posted in Labels: , | 0 comments

Phrae

Phrae is one of the most ancient cities in Thailand, an old establishment having been founded in the same period as Sukhothai and Chiang Mai. The town was built over 800 years ago , allegedly by Tai Kern and Tai Lue people. It is laced with romance and enchants visitors with the famous love legends called “Phra Lor” and “Phu Chana Sibtid.”

The former name was Wiang Kosai, which means “Silk Cloth.”

Phrae has an overall area of 6,538.6 aquare kilometers, and is administratively divided into 8 Amphoes (Districts) : Amphoe Muang, Rong Kwang, Wang Chin, Song, Long, Sung Men, Den Chai and Nong Muang Khai. The municipality is located 555 kilometers from Bankok.

How to get there

By Car Take the Bangkok – Nakhon Sawan – Phitsanulok – Denchai –Phrae Highway for 555 kilometers.

By Bus The 9 hour journey from Bangkok can be made on

airconditioned coaches and non - airconditioned buses originating from the Northern Bus Terminal on Bangkok’s Kamphaeng Phet 2 Road (Tel : 02 – 2171101 – 5 for further details).

By Air

Tourist Attractions

Muang District (อำเภอเมือง)

Wat Luang and Museum (วัดหลวง และ พิพิธภัณฑ์) is located in town and was built at the same time that the town was founded. Wat Luang means “grand temple.” In the grounds are several revered ruins like the holy pagoda and a venerable Buddha statue. This Buddha in graceful and built in the Chiang Saen style. There in also a museum containing many valuable and holy relics and antuques, such as Buddha images, porcelain objects, and ancient swords and armour. The Museum is open only on Saturday from 9 am - 4 pm

Wat Chorm Sawan (วัดจอมสวรรค์) is located in town and features one of the Burmese – style temples built during the reign of King Rama V under the direction of a Burmese architect. It took 5 years to build and contains Buddhist inscriptions. It is considered the most beautifulstructure in the Lanna region. Besides its structural beauty, it contains 2 rare and unique holy artifacts. There is the ivory Buddhist bible (teachings) which is carved in Burmese on 16 sheets of ivory. There is also a Buddha basket made of bamboo and covered with sheets of gold. This may be the only one of its kind left in the country.

Wat Sa Bor Keaw (วัดสระบ่อแก้ว) is situated on Namkue Road near the moat of the town. This temple has an exotic and beautiful pagoda. The marble Buddha image is also in Burmese style. It is a splendid temple.

Wat Phrathat Chorhae (วัดพระธาตุช่อแฮ) is the most famous temple

in Phrae. It is located in the Muang District on a hill outside the town, about 9 kms to the east. It is currently being renovated by the Fine Arts Department.

Also of great interest is Wat Phrathat Chorm Jaeng, an ancient temple which is sometimes called “the temple of predawn” and is located on Doi Tong hill, about 12 kms away from the town centre. It is one of the oldest temples in the province and was built in 1331 B.C.

Other Chedis (pagodas) of interest include Wat Luang, Wal Srabo Kaew, and several Laotian style temples, such as Wat Sri Bhum, Wat Pong Sunan, Wat Phra Non and Wat Phra Bat Ming Muang.

Vongburi House (บ้านวงศ์บุรี) is located in town, and was built in 1897

by Phya Burirath , who was the past lord of Phrae, of presentation to his daughter Chao Sunantha and son – in – law Luang Pongpiboon. The house is still in family hands. It is a teak 2 - story Thai – European style fine architectural house. An outstanding feature is the elaborate woodcarving decorations both inside and outside. These woodcarvings were originally built with the house. Inside the house are the original family’s household articles e.g. furniture, silverware, earthenware, and important documents. The house was awarded “an excellent conservation of the year 1993” award by the Society of Siam Architecture under Royal Patronage and a picture of the house was published in famous magazines e.g. Tourism Authority of Thailand Magazine, Sawasdee, Heritage Home of Thailand etc. The house is open daily to the public from 9 am – 5 pm with a permission charge of 20 Baht / person. Tel (054) 620153

Local Museum (พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน) Near the town on Phrae – Sung Men Road, in the same area as Baan Fai Restaurant, this museum is a replica of the type of houses of the people existing about 100 years ago.

Pra Tab Jai House (บ้านประทับใจ) Located in town is the biggest Thai – style house constructed with over 130 teak logs in 1976. Each log is about 300 years old. Inside is elaborate northern – style woodcarving. Open daily from 8 am – 4 pm with charge of 10 Baht / person , Tel (054) 511008.

Tung Hong Village (หมู่บ้านทุ่งโฮ้ง) This is a village located in the Muang District area about 3 kms away from on Highway No. 101. It is renowned for its good quality “Mohom” farmer shirts in cotton fabric, the favourite local preduct purchased by tourists in Phrae.

Rong Fong Village (หมู่บ้านร่องฟอง) is only 6 kms from town. As soon as you arrive, you can hear the sound of metal being worked in every home. There are 662 families in Rong Fong Village, and 90% of the men work as blacksmiths making knives, hand scythes, picks and spades. 95% of the women are seamstresses making pants, shirts and sportswear.

Pong Sri Village (หมู่บ้านโป่งศรี) is located on Highway No.101 near the Rong Fong village. It is known for its extraordinary antique shops and a Batik silk factory.

Phae Muang Phi (แพะเมืองผี) is regarded as Thailand’s Grand Canyon and is located about 18 kms from the town on Highway 101. Muang Phi (Thai meaning “the City of Ghosts”) is noted for its fantastic rock formations. Some local villagers still believe that this area is haunted by phantoms. It is a quiet place and nobody wants to live around there. However, it is well worth a visit for those who appreciate spectacular natural rock formations. Muang Phi is actually a shallow depression in the ground where soil erosion has produced strange chimney – like shapes that give the impression of dwelling on some alien planet.

Sung Men district (อำเภอสูงเม่น)

Mae Man Reservoir (อ่างเก็บน้ำแม่มาน) is 20 kms from Muang District following the Phrae – Den Chai Road. It is a big reservoir and especially beautiful in the early morning when the sun is rising. Hua Dong Market (ตลาดหัวดง) Located in Sung Men District. Is a centre for woodcarving and other teakwood products.

Wang Chin District (อำเภอวังชิ้น)

Wiang Kosai National Park (อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย) is located on Highway No. 1023 about 80 kms from Muang District. The National Park contains many attractions : -

- Mae Kerng Luang Waterfall (น้ำตกแม่เกิ๋งหลวง) which is a large waterfall with 7 levels and drops 213 meters from the first to the last level.

- Pang Pa Kluay Waterfall (น้ำตกปางป่ากล้วย) is a medium waterfall on the way to Hopea Forest. There is a Nature Study Camp site for up to 300 students and visitor accommodation.

Long District (อำเภอลอง)

Teenjok Weaving Cloth Villages (หมู่บ้านทอผ้าตีนจก) These villages produce intricate and beautiful designs both on cotton and silk. This cottage industry may be found in homes throughout Baan Natum, Baan Namon and Baan Hua Thung.

Doi Phaklong National Park (อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง) is located on the side of Highway No.1023 about 20 kms. From Muang District. The National Park contains many places of interest

- Kangluang (แก่งหลวง) means “big cataract”. It is a large deep pond carved out by the Mae Yom River. It refills annually with the monsoon overflow. The river hurls spray into the air as it strikes a rock hill mid stream. With a mountainous background it is a most scenic site.

- Erawan Cave (ถ้ำเอราวัณ) , not far from Kangluang is also a place of interest. Erawan Cave is regarded as a wonderful place. To visit this cave, you must cross the Mae Yom River and go on foot, climbing about 200 metres up the mountain. It is like a wide hall with a high ceiling and beautiful stalactites and stalagmites. One huge rock looks like the Erawan Elephant. Standing at the entrance of the cave, it is cool and comfortable. Apart from Kangluang and Erawan Cave, if you cross the Mae Yom River and walk for 2 kms, threr is a range of hilltribe villages, such as Lisu and Akha. The fascinating hilltribe culture includes costumes, music, dancing, crafts and ghost gates.

- Hat Wang Ngeon (หาดวังเงิน) is a sandy beach which is upstream from Kangluang. It is the starting point of float rafts of logs down the Mae Yom River to Kangluang.

- Maharat Rocks Garden (สวนหินมหาราช) Located at Doi Phaklong National Park office, it is a wide, bare area having many rock shapes,both large and small,like a lunar surface. There is a hall for relaxation and food shops for refreshments.

- Coral Park Mountain (ภูเขาหินปะการัง) This is otherwise called Fong Hin Tak and is located at doi Phaklong National Park, 18 kms from Phrae. Coral Park Mountain was caused by the Earth’s movement and upthrust with sculpting erosion over billions of years.

District (อำเภอสอง)

Thart – Pra – Lor (ธาตุพระลอ) is the most important ancient remains in Song District. According to legend, literary information, and archeological evidence, it’s inferred that Thart – Pra – Lor is the site where a grest love was commemorated in funeral flames. Memorislized are the principal actor and actresses of Thai literature, Li – Li – Pra – Lor, Pra – Lor and the two sisters, Pra – Puean and Pra – Paeng. Their love triangle ended with sadness, the same as Shakespeare’s literary Romeo and Juliet.

Mae Yom National Park (อุทยานแห่งชาติแม่ยม) is 20 kms from Song District. There are natural resources of ecological importance, beautiful flora and fauna, and especially, the wonderful rapids spilling over a wide exposure of primarily Basalt rock. The sharp and eroded basalt becomes such a great beauty, it is called “Kaeng Sur Ten” (river rocks) by native legend.

Visitors can go on a picnic, relax or camp in this charming area. There is a natural creation on the top of a big hill called “Lom Dong” . It’s a big swamp that has retained water for years. Geologists surmise that Lom Dong was formed by the action of the earth’s crust.

The swamp area is enriched by a valuable teak forest nearby. The forest It called “The Most Beautiful Teak Forest.”

Mae Song Reservoir (อ่างเก็บน้ำแม่สอง) is the largest reservoir in Phrae. It is 12 kms to the north of Song District. There is a beautiful deciduous and evergreen forest. The hills surrounding the reservour are very scenic. The highest hill is “Pha Pee pha Nong” , a prominent cliff at the edge of the peaceful, deep, clean and clear Mae Song Reservoir. The reservoir capacity is 65.8 million cubic meters.

Dragon – fly Lsland (เกาะแมลงปอ) is a very beautiful island in the Mae Song Reservoir. Trees and grasses, that were submerged, have become on appropriate habitat for many species of Dragon – fly. The environmental beauty of the water depths and upthrust hills is enhanced by the lovely roving dragon – flies.

Rong Kwang District (อำเภอร้องกวาง)

Siam Currency Museum (พิพิธภัณฑ์เงินตราสยาม เวียงสรอง) is 39 kms from Muang District. It has been a collection place for Thai currencies since the era of Thawarawadee, Sriwichai, Sukhothai and part of the Ratanakosin era. There are more than 2,000 pieces of ancient objects, for example, the title deeds of land in the era of The Fifth King Rama as well as The Royal Materials and ancient appliances.

Pha Nang Koi Cave (ถ้ำผานางคอย) This cave is 200 metres in length, and naturally decorated with beautiful stalagmites and stalactites. One of the stalagmites looks like a woman holding her baby. Villagers call it “Nang Koi” (lady waits) This is the scene of a great legendary to a common soldier and she was then punished and put in jail while she was pregnant. The common soldier, her husband, went to help and took her to hide in this cave. He was killed when he went out to find food. She sat holding her baby and waited for her husband until her body turned to rock.

Huai Rong Waterfall (น้ำตกห้วยโรง) This attractive three – levelled large waterfall , is located in the area of Rong Kwang District on Phrae – Nan Road , 81 kms from Muang District. Besiteds this waterfall, there are some others such as, Ngoen and Sao Wa Waterfalls which are the favourites of tourists in general.

Accommodation (สถานที่พัก)

Muang District (Area Code : 054 Postal Code : 54000)

NOTES : A – AIR CONDITIONED , F – FAN

ALL RATES ARE SUBJECT TO CHANGE WITHOUT NOTICE

Busarakham Hotel (โรงแรมบุษราคัม) 39/12 Rajdamnoed Rd., Tel. 511437 , 24 Rooms

Bua Khao Hotel (โรงแรมบัวขาว) 8/1 Charoen Muang Rd.,Tel. 511372 , 30 Rooms

Kanchana Hotel (โรงแรมกาญจนะ) Charoen Muang Rd . ,Tel. 511504 , 25 Rooms

Mae Yom Palace Hotel (โรงแรมแม่ยมพาเลส) 18/16 Yantarakit Kosol Rd., Tel. 521028-36 Fax.522904 ,140 Rooms

Nakorn Phrae Tower Hotel (โรงแรมนครแพร่ทาวเวอร์) Muang Hit Rd., Tel. 521321 Fax. 523503 ,140 Rooms

Nakorn Phrae Hotel (โรงแรมนครแพร่) 69 Rajdamnoen Rd., Tel. 511032 , 250 Rooms

Paradorn Hotel (โรงแรมภราดร) 177 Yantarakit Kosol Rd., Tel. 522340 , 57 Rooms

Sawasdikarn Hotel (โรงแรมสวัสดิการ) 76 – 78 Yantarakit Kosol Rd., Tel. 511032 , 30 Rooms

Siriwattana Hotel (โรงแรมศิริวัฒนา) 158 Charoen Muang Rd., Tel. 511047 , 25 Rooms

Thung Sri Phaibon Hotel (โรงแรมทุ่งศรีไพบุลย์) 152 Charoen Muang Rd., Tel. 511011 , 60 Rooms

Thep Viman Hotel (โรงแรมเทพวิมาน) 226 - 228 Charoen Muang Rd., Tel. 511003 , 52 Rooms

Den Chai District

Namlam Garden Resort (น้ำแรมการ์เด้นรีสอร์ท) Yantarakit Kosol Rd., Tel. 01 – 4730983

Saeng Sawang Hotel (โรงแรมแสงสว่าง) Yantarakit Kosol Rd., Tel. 613367 , 14 Rooms

Restautants (ร้านอาหาร)

Baan fai (บ้านฝ้าย) Yantarakit Kosol Rd., Tel. 523114

Chang Pha Dan (ช้างผาด่าน) Nakorn Phrae Tower Hotel Tel.521321

Chat Chai (ฉัตรไชย) 388 M.2 Nam Thong Tel. 626217

Muagn Plae (เมืองแพล) PharaDorn Hotel, Tel 511177

Nakornphrae Coffee Shop (นครแพร่คอฟฟี่ช๊อฟ) Nakorn Phrae Hotel, Tel. 511122

Ruenton (เรือนต้น) Mae yom Palace Hotel , Tel.521028-36

Ruen Nam thong (เรือนน้ำทอง) 445 / 5 M.2 Phuket Rd., Tel. 627591

Suan Sai Thong (สวนไซทอง) 262 M.10 Den Chai – Uttaradit Tel.613458

Tung Keow (ทุ่งแก้ว) 1 / 4 M.3 Chorhae Rd., Tel. 523460

V.I.P. Golden Club (วี.ไอ.พี.โกลเด้นคลับ) 3/6 M.6 Ratutid Rd.,Tel. 623070

Souvenir Shops (ร้านขายของที่ระลึก)

Baan Fai (บ้านฝ้าย) Yantarakit Kosol Rd., Tel. 523114

Baan Pratabjai (บ้านประทับใจ) Rob Muang Rd., Tel. 511088

Kohom Phetchare (หม้อห้อมเพชรา) 310/1 Moo 2 Baan Tunghong , Tel. 521783

Nok Noi (นกน้อย) Yantarakit Kosol Rd., Tel. 511008

Posted in Labels: , , | 0 comments